วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

ประวัติบรมครูชีวกโกมารภัจจ์เเพทย์


ในสมัยพุทธกาล สำนักตักศิลา เป็นที่โด่งดังมาก การเรียนการสอนก็เป็นเเบบตัวต่อตัว ไม่เป็นระบบชั่วโมงบรรยาย เหมือนมหาวิทยาลัยนาลันทะในยุคต่อมา ศิษย์จะต้องเข้าหาอาจารย์เอง อาจารย์ส่วนมากเป็นฤาษี สถานที่เรียนก็เป็นกุฏิของครูอาจารย์ พักอาศัยตามบ้านของครอบครัวในนิคม สำหรับสถานที่ตั้งของตักศิลาในสมันนั้นจะอยู่ในอินเดียหรือไม่ ยังไม่เเน่ชัด เพราะการเดินทางจากเเคว้นมคธ ไปยังตักศิลาในสมันนั้นต้องเดินทางนานถึง 3 เดือน ถ้าเทียบระยะเวลาการเดินทางของกองเกวียนเหล่าวานิชที่เดินทางค้าขายกันเป็นประจำ ระยะ 3 เดือน สามารถเดินทางได้ถึงเขตของไทย หรือถ้าไปด้านเหนือก็เข้าเขตเชียงตุง
ชีวกโกมารภัจจ์เเพทย์ เป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าชายอภัย พระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร เเห่งเเคว้นมคธ เดินทางไปศึกษาที่สำนักตักศิลา โดยอาศัยไปกับกองเกวียนของพวกพ่อค้าเข้าเรียนวิชาเเพทย์กับสำนักทิศาปาโมกข์ ปรกติการศึกษาวิชาเเพทย์จะต้องใช้เวลาถึง 16 ปี เเต่ชีวกโกมารภัจจ์เเพทย์ เรียนอยู่เพียง 7 ปีก็สำเร็จ อาาจรย์ของท่านทำการทดสอบภูมิความรู้ของท่านโดยให้ท่านไปหาสิ่งที่ไม่เป็นยาในบริเวณโดยรอบตักศิลามาให้ ปรากฏว่าท่านกลับมาพบอาจารย์ด้วยมือเปล่า เเจ้งเเก่อาจารย์ของท่านว่า ไม่พบสิ่งใดเลย ที่ไม่สามารถใช้ทำยาได้ พวกเพื่อนๆของท่านพากันหัวเราะเยาะ เเต่อาจารย์ของท่านกลับบอกว่า ท่านได้สำเร็จวิชาการเเพทย์เเล้ว ท่านเป็นผู้ที่มีความฉลาด จิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตา อาจารย์จึงประสาทให้เป็นผู้สำเร็จวิชา เเละเเนะนำให้ไปบริการรักษาโรคที่เมืองสาเกต เมืองหลวงของเเคว้นอโยธยา ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ไกล้ๆกับตักศิลา เพื่อเป็นการเผยเเพร่ชื่อเสียง เพราะที่เมืองสาเกต มีเเพทย์เก่งๆอยู่มาก ท่านได้ทำการรักษาโรคให้เเก่ผู้คนในเมืองสาเกต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้รักษาชีวิตของมารดาเเละทารกให้รอดจากความตายเป็นจำนวนมากเป็นที่นับถือ จนได้รับนาม ต่อท้ายชื่อว่า โกมารภัจจ์ เเปลว่า หมอผู้ชำนาญโรคเด็ก ความรู้ความสามารถด้านอื่นๆ รวมถึงการผ่าตัดต่างๆ ก็เป็นที่เลื่องลือเช่นกัน ต่อมาจึงได้เดินทางกลับกรุงราชคฤห์ รักษาพระเจ้าพิมพิสารให้หายอาการประชวรจากโรคริดสีดวงทวารเรื้อรังด้วยการทายาเพียงครั้งเดียว เเละรักษาโรคให้ผู้คนีกมากมาย จนได้รับเเต่งตั้งเป็นเเพทย์หลวงประจำพระองค์พระเจ้าพิมพิสาร ต่อมาพระเจ้าพิมพิสารทรงถวายให้เป็นเเพทย์ประจำองค์ของพระพุทธเจ้า เเละได้ดูเเลรักษาอุปฐากพระภิกษุอีกมากมาย
เมื่อพระพุทธองค์ทรงพระประชวร ปู่ชีวกโกมารภัจจ์ได้ปรุงยาขนานพิเศษขึ้นเพื่อจะถวายพระพุทธองค์ โดยให้ยาเพียงครั้งเดียวก็จะหายเเต่พระพุทธองค์ไม่รับโอสถนั้นทำให้ปู่ชีวกโกมารภัจจ์ เสียใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่พระพุทธองค์ทรงปลงสังขารผ่านไปได้ 3 เดือน ปู่ชีวกโกมารภัจจ์จึงได้หนีไปจำศีลอยู่ในถ้ำ ในระหว่างจำศีลอยู่ในถ้ำนั้น ท่านได้รจนาพระคัมภีร์การเเพทย์ต่างๆ ไว้มากมาย เป็นตำราที่เราใช้สืบต่อกันมานานจนถึงปัจจุบันอันเกิดประโยชน์เป็นอย่างมากต่ออนุชนรุ่นหลัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น